หลังแผล

--

(ผลงานที่ผ่านการคัดเลือก การแข่งขันประกวดเรื่องสั้นประจำเดือนสิงหาคม 2563 หัวข้อ ‘บาดแผล’ จัดโดยคณะกรรมการนิสิตอักษรศาสตร์)

โดย เมธิยา

Trigger Warning: Self Harm, Suicide

— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —

“แผลนี้เธอได้แต่ใดมา?”

เหมยถามแก้ว แก้วไม่ได้ตอบคำถามทันที แต่เหม่อมองไปไกลแสนไกล ทุกครั้งพูดถึงแผล แก้วจะนึกถึงคำพูดของคุณย่าที่ปลอบเธอเมื่อตอนที่เธอหกล้มเป็นแผลเหวอะ ถึงมันจะนานมาแล้วแต่แก้วก็ยังจำได้แม่น

‘…เราทุกคนมีบาดแผลทั้งนั้นแหละหลานรัก มันเป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความทรงจำ ประสบการณ์และเรื่องราวต่าง ๆ แผลบางแผลรักษาไม่นานมันก็จะเลือนหายไป เหมือนกับความทรงจำนั่นแหละ แต่มันก็มีแผลบางแผลที่ถึงมองไม่เห็นแต่เราก็รู้สึกได้ แผลพวกนั้นแหละที่ยากจะรักษา เพราะมันจะฝังลึกอยู่ในความทรงจำ ตอนนี้หนูอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อหนูโตไป ย่าอยากให้หนูแข็งแกร่งขึ้นจากแผลเหล่านั้นนะ…’

“แข็งแกร่งเหรอ…” แก้วพึมพำเบา ๆ และยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วหันไปถามเหมยกลับ

“แผลไหนล่ะที่เธออยากรู้?”

แผลแรก ฉันกำลังหัดเดิน พี่เลี้ยงก็ไม่ทันดู ฉันจึงล้มหัวฟาดพื้นหัวโนเขียวเชียว ตอนนี้เหลือไว้แค่รอยที่หน้าผาก เป็นรอยหน้าผากที่ยุบลงไปเพราะตอนนั้นกะโหลกฉันยังไม่แข็ง

แผลที่สอง ฉันฝึกปั่นจักรยาน พ่อให้ฉันเริ่มจากปั่นจักรยาน 4 ล้อ จากนั้นก็ค่อย ๆ ถอดล้อเสริมออกจนฉันปั่นจักรยาน 2 ล้อได้สำเร็จ ล้มบ้างระหว่างทาง ตอนนั้นก็ได้แผลมามากเชียว

แผลที่สาม ฉันโดนแมวข่วน ตอนโดนก็ไม่ได้รู้สึกอะไร แต่พอผ่านไปซักพักถึงรู้สึกแสบขึ้นมา เป็นเรื่องใหญ่เลยเพราะแมวที่มาข่วนเป็นแมวที่ไหนไม่รู้ ต้องไปฉีดวัคซีนกันให้วุ่น

แผลที่สี่ ฉันเดินตกท่อ ฉันไม่ทันเห็นว่าท่อระบายน้ำด้านหลังไม่ได้ปิดฝาไว้ ฉันได้แผลใหญ่ที่ขาขวา ต้องไปทำแผลที่โรงพยาบาลทุกวัน

“แต่แผลพวกนี้จางหายไปแล้วนะ ไม่เหลือรอยแผลเป็นให้เห็นแล้ว” แก้วบอกกับเหมยที่กำลังตั้งใจฟังที่มาของแผลแก้ว

“งั้นก็ไม่เจ็บแล้วสิ” เหมยพูด

“ก็คงจะใช่นะ” แก้วตอบก่อนที่จะเล่าเรื่องต่อ

แผลที่ห้า ฉันได้เป็นหัวหน้าห้อง ฉันดีใจมากและพยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เป็นได้ 2 ปี สุดท้ายอาจารย์เอาฉันออก ด้วยเหตุผลที่ว่าฉันไม่มาเรียน 1 วัน

แผลที่หก ฉันได้เป็นหัวหน้าห้องอีกครั้ง ตั้งใจทำหน้าที่ดังเดิม สุดท้ายอาจารย์ตัดสินใจเขียนชื่อเพื่อนของฉันเป็นหัวหน้าห้องแทนในช่วงครึ่งเทอมหลัง อาจารย์ท่านนั้นให้เหตุผลกับฉันว่า ‘ต้องเป็นผู้ชายสิถึงจะเป็นหัวหน้าได้’

แผลที่เจ็ด เพื่อนฉันเห็นพ่อของฉันในวันประชุมผู้ปกครอง จึงมาบอกฉันว่า ‘หน้าก็เหมือนพ่อ แต่ทำไมไม่เห็นหน้าตาดีเหมือนพ่อเลย’

แผลที่แปด ฉันเรียนรำไทย อาจารย์เห็นว่าฉันรำสวย จึงจะให้ฉันร่วมแสดงในงานโรงเรียน แต่อาจารย์เปลี่ยนใจเลือกเพื่อนคนอื่นแทน ด้วยเหตุผลที่ว่าฉันหน้าตาขี้เหร่ เป็นนางรำไม่ได้

แผลที่เก้า ฉันชอบร้องเพลง ฉันไปสมัครเข้าชมรมร้องเพลง แต่ด้วยความตื่นเต้น ฉันจึงทำได้ไม่ดีอย่างที่ซ้อม กรรมการชมรมเอาเรื่องที่ฉันร้องเพลงแย่ไปนินทากันลับหลัง

แผลที่สิบ ระหว่างกำลังเดินทางกลับบ้าน วิทยุที่พ่อเปิดฟังก็เล่นเพลง ‘คนมีเสน่ห์’ พอดี พ่อบอกกับฉันว่า ‘นี่คือเพลงของแก้วเลยนะ ยิ่งเนื้อเพลงที่ว่า ท่อนแขนก็จัดว่าใหญ่ ผู้หญิงอะไรขาโต เนี่ย ตรงกับแก้วมาก ๆ’

แผลที่สิบเอ็ด เพื่อนของฉันทำของหาย ฉันจึงช่วยหา ฉันหาเจอ แต่เพื่อนทุกคนกล่าวหาว่าฉันเป็นคนขโมยของชิ้นนั้นไปซ่อน ฉันถูกเพื่อนกล่าวหาจนฉันเรียนจบ

แผลที่สิบสอง ฉันมีคนที่ฉันแอบชอบ ฉันตัดสินใจไปสารภาพกับเขา หลังจากวันนั้นทุกคนบอกว่าฉัน ‘แรด’ ‘ไม่ดูสภาพตัวเอง’

“น่าเศร้า” เหมยพูดเบา ๆ หลังจากแก้วหยุดพูดเหมือนเป็นสัญญาณว่าเรื่องของเธอจบแล้ว เหมยมองเพื่อนของเธอที่กำลังยิ้มอยู่

เป็นรอยยิ้มที่แสนเจ็บปวดอะไรอย่างนี้

ความเงียบส่งเสียงดังเหลือเกิน เหมยไม่เคยรู้มาก่อนว่าเพื่อนของเธอเจออะไรมาบ้าง

“ฉันหวังว่าเธอจะไม่เป็นอะไร”

“แต่ถ้าฉันเป็นไปแล้วล่ะ?”

เพราะว่าแก้วเป็นไปอะไรแล้ว เธอจึงอยากลืมเรื่องราวเหล่านั้น อยากให้แผลเหล่านี้มันจางหายไปเหมือนกับแผลในวัยเด็ก อยากให้มันเป็นแผลที่รักษาไม่นานก็หาย อยากไม่คิดอะไรกับเหตุการณ์และคำพูดเหล่านั้น อยากมีความสุขเหลือเกิน

แต่เรื่องราวหลังแผลเหล่านั้นยังคงถูกจดจำ ยังคงฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของแก้ว

ห้องมืดแทบจะมองไม่เห็น มีเพียงแสงอาทิตย์ยามเย็นที่เล็ดลอดเข้ามาในห้องเท่านั้นที่ทำให้พอมองเห็นเก้าอี้เก่า ๆ กำลังถูกลากไปที่กลางห้อง เธอปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ เมื่อทรงตัวได้แล้วจึงปล่อยมือจากมัน และหันไปคว้าเชือกด้านบน เธอมองเชือกเส้นน้อยพลางยิ้มและร้องไห้ออกมาเป็นครั้งสุดท้าย

“ขอโทษที่หนูทำไม่ได้นะคะคุณย่า” เธอพูดก่อนจะทิ้งตัวไปตามความรู้สึก เธอลอยเคว้ง ปล่อยตัวเองให้แกว่งไกวอยู่ในอากาศจนกระทั่งแสงอาทิตย์หายไป เหลือไว้เพียงความมืดและเธอในห้อง

ในที่สุดเรื่องราวหลังแผลเหล่านั้นก็หายไป

--

--