ตัวฉันกับบาดแผล

--

(ผลงานชนะเลิศ การแข่งขันประกวดบทความสั้นประจำเดือนสิงหาคม 2563 หัวข้อ ‘บาดแผล’ จัดโดยคณะกรรมการนิสิตอักษรศาสตร์)

โดย จิรัชญา เกศสุระพันธ์

— — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — — —

ร้าวรานแหว่งวิ่นเดียวดายแดดิ้นบอบช้ำอดีตแผกแยกมืดมน

บาดแผลคืออะไรสำหรับคุณ ฉันคงตอบไม่ได้ ไม่มีใครรู้ดีเท่าเจ้าของบาดแผล ไม่มี แม้จะแสร้งทำเป็นว่ารู้ ทำเหมือนว่าเข้าใจเป็นอย่างดีก็ตาม บาดแผลสำหรับฉันไม่ใช่สิ่งที่น่าครุ่นคำนึงถึง ไม่ใช่ครู ไม่ใช่คติสอนใจ ไม่ใช่บทเรียนอะไรที่คนพวกที่ไม่เคยร้าวรานจากแผลกรีดลึกชอบอ้างถึง บาดแผลก็คือบาดแผล คือเจ็บปวดเจียนตายจวนจะเอาชีวิตไม่รอด คือความทุรนทุรายเดียวดายเปล่าเปลี่ยว คือเขาวงกตแห่งความคิดของตัวเอง คืออดีตที่อยากลืมเลือน คือความมืดมนอับจนหนทางในชีวิต คือจุดกำเนิดแผลเป็นที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใดก็ยังคงอยู่ ณ ที่แห่งหนนั้น คือชิ้นส่วนเว้าแหว่งที่ไม่มีทางกลับไปอยู่ในสภาพเช่นเดิม คือชั่วแล่นกระแสความคิดที่หวนกลับคืนมาในความรู้สึกของผู้คนยามถูกกระตุ้นซ้ำซากอยู่อย่างนั้น อ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงตัดสินฉันไปแล้วว่าฉันเป็นคนอ่อนแอปวกเปียก เป็นมนุษย์ที่ไม่ยอมรับความจริงของโลก คุณคงนึกขันอยู่ในใจว่า

ใคร ๆ ต่างก็มีบาดแผลหรือเคยมีบาดแผลกันได้ทั้งนั้น คนเรามีบาดแผลกันตั้งแต่ยังไม่เกิดจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ทำไมถึงต้องเป็นเดือดเป็นร้อน ทำราวกับว่าเป็นคนเดียวที่ประสบพบเจอเรื่องเช่นนั้น ใช่ ฉันยอมรับ ฉันคงเป็นคนอ่อนแอจริง ๆ นั่นแหละ ทว่าการเป็นคนอ่อนแอ กระทั่งอ่อนไหวเปราะบางมันผิดมากนักหรือ หรือแท้ที่จริง ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอด ฉันอยากฝากคุณกลับไปใคร่ครวญกับตัวเองว่า โลกที่มนุษย์อาศัยใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ไม่อนุญาตให้มีที่ทางสำหรับมนุษย์ผู้อ่อนไหวและร้าวรานจากบาดแผลกรีดลึกเช่นฉันเลยใช่ไหม อยากให้คุณลองย้อนมองภาพวันที่บาดแผลต่างกรรมต่างวาระเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณ มามีอิทธิพลต่อความรู้สึก ความคิด ร่างกาย ตัวตน จิตสำนึกของคุณ แล้วตอบตัวเองด้วยความสัตย์จริง ไม่ต้องตอบฉันหรือใครคนอื่น ตอบว่าคุณผ่านความเจ็บปวดจากบาดแผลมาได้โดยตัวของคุณเอง หรือมีบุคคลอื่นช่วยโอบอุ้มคุณแล้วค่อยพยุงฉุดรั้งคุณขึ้นมาอย่างใจเย็น คุณใช้เวลานานเท่าใดกว่าจะกลับมาเป็นตัวของคุณได้อย่างเต็มตัวอีกครั้งหนึ่ง แล้วคุณคิดว่าตอนนี้คุณเป็นคน ๆ นั้นอย่างเต็มเปี่ยมจริงหรือ ในโมงยามที่ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาหาคุณอย่างไม่หยุดยั้ง คุณเคยมีความคิดถึงบาดแผลของคนรอบข้างที่อาจกำลังกัดกินพวกเขาอย่างเงียบเชียบบ้างไหมหนอ หรือคุณร้าวรานอยู่กับบาดแผลของตัวคุณเอง ในโมงยามนั้นเอง คุณปรารถนาบทเรียน ข้อคิด สิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากบาดแผล หรือปรารถนาความเห็นอกเห็นใจ เข้าอกเข้าใจจากเพื่อนมนุษย์เพียงสักคนมากกว่ากัน

บทเรียนเยียวยาฟื้นคืนกอบร่างทรงจำโอบรับปล่อยวางจางหาย

คุณใจร้ายกับฉันมากกว่าที่ฉันนึกไว้เสียอีก ฉันไม่ปฏิเสธว่าตัวเองได้รับบทเรียนอะไรที่คุณว่าจากบาดแผล ใช่ ฉันได้เรียนรู้อะไรบางอย่างจากบาดแผล ใช่ เวลาช่วยเยียวยา ทั้งยังช่วยประกอบเศษส่วนของหัวใจที่แตกสลายให้ประสานเข้าด้วยกันอย่างเชื่องช้า แม้จะไม่แนบสนิทสวยงามดังเดิมก็ตาม ฉันยอมรับว่าเวลามีส่วนช่วยพรากความทรงจำที่ไม่น่าจดจำให้เบาบางจางหายจากจิตสำนึกของตัวฉัน คุณยังสอนฉันอีกว่าให้ปล่อยวางกับรอยแผลเป็นที่จะค่อย ๆ สลายหายไปในที่สุด บอกให้ฉันโอบรับมันไว้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นรสชาติ เป็นประวัติศาสตร์ที่น่าหวนระลึกถึงของตัวฉันเอง สำหรับเรื่องนี้ ฉันไม่คิดว่าจะมีวันที่ฉันจะทำเช่นนั้นได้ ไม่ต้องพยายามก็รู้ว่าไม่มีวัน ฉันจดจำสิ่งที่เกิดกับตัวฉันได้เสมอ แม้ไม่เคยปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น ไม่มีการลืมครั้งใดที่สมบูรณ์แบบ การลืมเป็นเพียงความพยายามที่ไร้จุดหมาย เป็นเพียงแค่การกดข่มความรุนแรงร้ายกาจของชั่วขณะอันเจ็บปวดในชีวิตของฉันก็เท่านั้น การลืมเป็นแค่การมุมานะฝังกลบบาดแผลไว้ให้ลึกสุดชีวิตเพื่อที่จะได้ปลอดจากความทุกข์ทนชั่วครั้งคราว หากแต่แท้ที่จริง ฉันไม่เคยและไม่สามารถฝังกลบมันได้ลึกมากพอเลยสักครั้ง บาดแผลที่สร้างความทุกข์ทนได้มากกว่าบาดแผลอื่นใดคือบาดแผลที่ตัวฉันมุมานะพยายามฝังกลบแต่กลับฝังได้ไม่ลึกพอนี่แหละ เพราะมันจะกำเริบแสดงอาการในห้วงยามที่ฉันไม่ทันได้ตั้งตัวเตรียมใจ เพียงแค่ปลายเล็บสะกิดก็ทำให้บาดแผลนั้นติดเชื้อได้รุนแรงอย่างไม่อย่างยากเย็น เมื่อเทียบกับบาดแผลธรรมดาทั่วไปแล้ว แม้มันจะร้าวลึกทรมานเพียงใด แต่ฉันก็พอจะรู้อยู่ว่ามันจะเป็นเช่นนั้น มนุษย์ย่อมสบายใจกว่าที่ประสบกับสิ่งที่คาดการณ์พยากรณ์ได้ ตัวฉันเองก็เช่นกัน อ่านมาถึงตรงนี้ คุณคงอยากยอมแพ้ที่จะสอนคนอย่างฉันแล้วสินะ ฉันเองไม่แปลกใจเลยแม้แต่น้อย และคุณก็ไม่ต้องรู้สึกผิดกับตัวฉัน กระทั่งผิดหวังในความสามารถของตัวคุณเอง (ฉันตีขลุมเอาว่าคุณอาจจะมีความรู้สึกปรารถนาดีต่อคนอย่างฉันอยู่บ้าง) ขนาดตัวฉันที่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของเลือดเนื้อร่างกาย เป็นเจ้าของตัวตน เป็นเจ้าของชีวิตและจิตสำนึกของตัวฉันเองยังอยากยอมแพ้ ไร้เรี่ยวแรงที่จะหยัดยืนสู้ต่อเลย เมื่อผันผ่านพบเจอห้วงยามแห่งความร้าวรานอันเกิดจากบาดแผลบนตัวฉัน ฉันยังภาวนาอยู่ในใจหลายครั้งให้ลมหายใจหมดหวังในตัวฉันสักที ยังเฝ้าภาวนาให้หัวใจของฉันแสดงความเปราะบางอ่อนแอออกมาโดยการหยุดพักแม้เพียงแค่ชั่วเวลาแสนสั้นก็ตาม ฉะนั้นแล้ว คุณจงปล่อยมือฉันแล้วเดินต่อไปตามเส้นทางของคุณอย่างสบายใจ ไม่จำเป็นต้องสงสาร เห็นใจ เวทนา สอนสั่ง หรือให้บทเรียนอะไรกับสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอเปราะบางเกินกว่าจะมีชีวิตที่ดีในโลกใบนี้อย่างฉัน ไม่จำเป็นต้องเสียใจ รู้สึกผิด โทษตัวเองหรือโทษใครก็ตาม ไม่จำเป็นต้องรู้สึกอะไรเลย แค่ใช้ชีวิตในแบบที่คุณเชื่อ แค่ได้รับบทเรียนจากบาดแผลของคุณในแบบที่คุณเคยได้รับมาชั่วชีวิต แค่ปล่อยให้เรื่องราวของฉันเป็นเศษผงฝุ่น เป็นตะกอนดำมืดในจักรวาลที่คุณบังเอิญประสบพบเจอ แล้วในที่สุดก็จะสลายหายไปจากจักรวาลและห้วงอารมณ์ความรู้สึกของคุณเหมือนกับเรื่องราวมากมายในชีวิตที่คุณเคยพบเจอ แค่มีชีวิตที่ดีในแบบของคุณ ครุ่นคำนึงถึงบาดแผลบนตัวคุณในวิธีที่คุณปฏิบัติมาโดยตลอด แค่ใช้ชีวิตในโลกที่ไม่อนุญาตให้มนุษย์แหว่งวิ่นร้าวรานอาศัยอยู่ต่อไปในแบบเดิมก็พอ ทว่าสำหรับคนอ่อนแออย่างฉัน ห้วงเวลาที่เคยได้ใช้ร่วมกันกับคุณก็ยังจะคงติดแน่นฝังตรึงเป็นส่วนหนึ่งของตัวฉันเหมือนเรื่องราวอื่นที่ฉันเคยพานพบเหมือนอย่างเคย

--

--